วันศุกร์ที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2560

ฮอร์โมนจากตับอ่อน

ตับอ่อนกับฮอร์โมนที่สำคัญกับชีวิต
      ฮอร์โมนจากตับอ่อนสร้างโดยตับอ่อนตั้งอยู่ที่ด้านบนซ้ายของช่องท้อง โดยวางตัวจากส่วนโค้งของลำไส้เล็กส่วน ดูโอดีนัม (duodenum ) ถึงม้าม(spleen) และด้านหลังของกระเพาะ(stomach) มีลักษณะ ค่อนข้างแบน มีความยาวประมาณ 12 – 15 เซนติเมตร ตับอ่อนทำหน้าที่ทั้งเป็นต่อมมีท่อ คือ การสร้างน้ำย่อยไปที่ลำไส้เล็กและเป็นต่อมไร้ท่อสร้างฮอร์โมน

     เซลล์ที่ทำหน้าที่ในการผลิตฮอร์โมนจะรวมกันเป็นกลุ่มมีชื่อว่าไอเลตส์ออฟแลงเกอร์ ฮานส์ (Islets of Langerhans) มีปริมาณ 1 – 3 เปอร์เซ็นต์ของเนื้อเยื่อตับอ่อนทั้งหมด ซึ่ง ประกอบไปด้วยเซลล์ทั้งหมด 6 ชนิด แต่มี 4 ชนิดที่เป็นเปปไทด์ฮอร์โมน ได้แก่
1.เอ หรือแอลฟาเซลล์ ซึ่งมีเนื้อที่ประมาณร้อยละ 20 ของไอเลตส์ออฟแลงเกอร์ฮานส์ ทำหน้าที่ผลิตฮอร์โมนกลูคากอน
2.บี หรือเบตาเซลล์ มีเนื้อที่ประมาณร้อยละ 75 ของไอเลตส์ออฟแลงเกอร์ฮานส์ ทำหน้าที่ผลิตฮอร์โมนอินซูลิน
3.ดีหรือเดต้าเซลล์ มีเนื้อที่ประมาณร้อยละ 5-10 ของไอเลตส์ออฟแลงเกอร์ฮานส์ ทำหน้าที่ผลิตฮอร์โมนโซมาโทสเตทิน (somatostatin)
4.พีพี หรือเอฟเซลล์ เพนคริเอติก พอลิเปปไทด์ มีเนื้อที่ประมาณร้อยละ 1-2 ของไอเลตส์ออฟแลงเกอร์ฮานส์ ทำหน้าที่ผลิตเพนคริเอติก พอลิเปปไทด์ (pancreatic polypeptide) ทำหน้าที่ลดการดูดซึมอาหารที่กระเพาะและลำไส้ (gastrointestinal function)

    ฮอร์โมนที่สร้างจากตับอ่อน ได้แก่
1.อินซูลิน(Insulin) อินซูลินเป็นฮอร์โมนประเภทเปปไทด์ ที่ช่วยในการสร้างสารชีวโมเล กุล (anabolic hormone) เพิ่มการเก็บกลูโคส กรดไขมัน และโปรตีน จากกระแสเลือด ทำงาน ตรงข้ามกับฮอร์โมนกลูคากอน อินซูลินมีผลต่อเซลล์เกือบทุกชนิดในร่างกาย โดยมีอวัยวะเป้า หมายที่สำคัญคือ ตับ กล้ามเนื้อลาย และเซลล์ไขมัน อินซูลินได้ชื่อว่า เป็นฮอร์โมนแห่งความอุดมสมบูรณ์ (hormone of abundance) เป็นฮอร์โมนที่ส่งเสริม ให้มีการสะสมกลูโคส กรดไขมันและกรดอะมิโนไว้ภายในเซลล์ต่างๆ และ สำรองไว้ใช้ ระหว่างช่วงมื้ออาหาร และ เมื่อร่างกายขาดแคลน ทำให้ระดับน้ำตาลในกระแสเลือดมีค่า ปกติ
     การมีฮอร์โมนนี้มากเกินไป (insulin excess) จะทำให้เกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ (hypoglycemia) ซึ่งจะมีผลต่อเซลล์ของสมอง อย่างรวดเร็ว ทำให้มีอาการสับสน มึนงง อ่อนเพลีย นอกจากนี้ ยังไปกระตุ้นการทำงานของประสาทซิมพาเทติก ทำให้มีอาการหิว ใจสั่น เหงื่อออกมาก และ เพิ่มการหลั่งแคททีโคลามีนจากต่อมหมวกไต ให้ตับมีการสลาย ไกลโคเจน เป็นกลูโคสมากขึ้น ถ้าไม่ได้รับการแก้ไขโดยการให้กลูโคสทดแทนอาการจะ รุนแรงคือชัก หมดสติ และเสียชีวิตได้ การขาดฮอร์โมนอินซูลิน (insulin insufficiency)
     การขาดฮอร์โมนอินซูลินทำให้กลูโคสเข้าเซลล์เนื้อเยื่อไม่ได้ ทำให้ร่างกายเสมือนขาด อาหาร (starvation) ตับจึงสลายไกลโคเจนมายังหลอดเลือดทำให้ระดับน้ำตาลยิ่งสูง มากขึ้น (hyperglycemia) การที่ร่างกายขาดกลูโคสในขณะที่น้ำตาลในเลือดสูงจะเป็น ภาวะผิดปกติ  ที่เรียกว่า เบาหวาน (diabetes mellitus)

2.กลูคากอน(Glucagon) ฮอร์โมนกลูคากอนเป็นฮอร์โมนที่ช่วยในการทำลายสาร ชีวโมเลกุล (catabolic hormone) สลายกลูโคส กรดไขมัน และ โปรตีนทำให้เพิ่มระดับ น้ำตาลในกระแส เลือด มีผลการทำงานตรงกันข้ามกับฮอร์โมนอินซูลิน (insulin) ถ้า น้ำตาลในกระแสเลือดลดต่ำลง ร่างกายมีการหลั่งฮอร์โมนหลายชนิดให้ระดับน้ำตาลใน กระแสเลือดเพิ่มมากขึ้น กลูคากอน เป็นตัวหนึ่งที่ทำหน้าที่ สลายคาร์โบไฮเดรต ไขมัน และโปรตีนของเนื้อเยื่อออกมาเป็นกลูโคส กรดไขมันและ กรดอะมิโนให้เพิ่มขึ้นในกระแส เลือด ถ้าระบบควบคุมการหลั่งกลูคากอนผิดปกติ เซลล์แอลฟาจะหลั่งกลูคากอนตลอด เวลา การมีฮอร์โมนมากกว่าปกติ จะเร่งการสลายกลูโคสภายในตับ เร่งให้ตับปล่อย กลูโคส ออกสู่เลือดมากขึ้น ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มขึ้น การหลั่งกลูคากอนลดลง จะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดต่ำได้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น